Power over Ethernet (PoE) คือ เทคโนโลยีที่ใช้ในการส่งพลังงานไฟฟ้าผ่านสาย Ethernet (LAN Cable) ไปพร้อมกับข้อมูลเครือข่าย ทำให้สามารถจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ได้โดยไม่ต้องใช้สายไฟแยกต่างหาก
โดยปกติแล้ว สาย Ethernet (Cat5e, Cat6, Cat6a ) มีทั้งหมด 8 เส้น หรือ 4 คู่สาย ซึ่งใช้สำหรับส่งข้อมูลเครือข่าย แต่ PoE ใช้สายเหล่านี้ส่งไฟฟ้าไปด้วย โดยสามารถทำได้ 2 วิธีหลัก คือ
1. Alternative A (Endspan) – ใช้สายข้อมูล 2 คู่ (1,2 และ 3,6) ส่งทั้งข้อมูลและไฟฟ้าไปพร้อมกัน
2. Alternative B (Midspan) – ใช้สายสำรอง (4,5 และ 7,8) ส่งไฟฟ้าแยกต่างหากจากข้อมูล
อุปกรณ์ที่รองรับ PoE จะสามารถรับพลังงานจากสาย Ethernet ได้โดยตรง ทำให้ติดตั้งได้สะดวกยิ่งขึ้น
ส่วนประกอบของระบบ PoE
1. Power Sourcing Equipment (PSE) – อุปกรณ์ที่จ่ายไฟ เช่น
2. Powered Device (PD) – อุปกรณ์ที่รับไฟ เช่น
PoE มีมาตรฐานที่แตกต่างกันไปตามระดับพลังงานที่จ่ายได้ ดังนี้
มาตรฐาน IEEE 802.3af (PoE)
มาตรฐาน IEEE 802.3at (PoE+)
มาตรฐาน IEEE 802.3bt (PoE++) Type 3
มาตรฐาน IEEE 802.3bt (PoE++) Type 4
ข้อดีของ PoE กับระบบเครือข่าย
✅ ติดตั้งง่ายและลดต้นทุน – ไม่ต้องเดินสายไฟเพิ่ม แค่มีสาย LAN ก็เพียงพอ
✅ เพิ่มความยืดหยุ่น – สามารถติดตั้งอุปกรณ์ในที่ที่ไม่มีปลั๊กไฟได้ เช่น บนเพดานหรือกลางแจ้ง
✅ ความปลอดภัยสูง – จ่ายไฟที่แรงดันต่ำ ลดความเสี่ยงในการเกิดไฟฟ้าช็อต
✅ การจัดการพลังงานที่ดีขึ้น – PoE Switch สามารถควบคุมและตรวจสอบพลังงานของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อได้
✅ รองรับอุปกรณ์ IoT ได้ดี – เหมาะกับอุปกรณ์ที่ต้องการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและใช้ไฟฟ้าพร้อมกัน
สรุปสุดท้าย
Power over Ethernet (PoE) เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้สามารถส่งพลังงานไฟฟ้าไปพร้อมกับข้อมูลผ่านสาย Ethernet ได้ ช่วยลดความยุ่งยากในการติดตั้งอุปกรณ์เครือข่าย โดยเฉพาะ กล้องวงจรปิด, Access Point และ IoT Devices ปัจจุบันมีการพัฒนาให้สามารถรองรับกำลังไฟที่สูงขึ้น ทำให้สามารถใช้กับอุปกรณ์ที่ต้องการพลังงานมากขึ้น เช่น จอแสดงผล และโน้ตบุ๊ก ได้อีกด้วย PoE เป็นโซลูชันที่ช่วยเพิ่ม ความสะดวก, ประหยัดค่าใช้จ่าย และปลอดภัย ในการติดตั้งระบบเครือข่ายอย่างมาก‼